กคช. เผยแผนปี 65 เดินหน้าโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าแทนการขาย ชู “บ้านเคหะสุขประชา” บ้านพร้อมอาชีพ ช่วยผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง และ “บ้านเคหะสุขเกษม” สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยข้าราชการเกษียณ หลังกำลังซื้อหดตัวจากเศรษฐกิจชะลอ โควิด-19 กระทบคาวมเชื่อมั่น เดินหน้าโครงการรับคืนอาคารเช่าวางเป้าการรับคืนอาคารเช่า 60 สัญญา พร้อมสานต่อโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนแฟลตดินแดง
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 49 ปี กคช. ซึ่งพัฒนาที่อยู่อาศัยและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนที่มีรายได้น้อยและปานกลางในประเทศ นับแต่ที่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน กคช. ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยรวมทั้งสิ้น 746,439 หน่วย และเพื่อสานต่อความต่อเนื่องพันธกิจในปี 65 นี้ กคช. ยังคงเดินหน้า พัฒนา “โครงการบ้านเคหะสุขประชา” ตามที่ได้เสนอ ครม.ในปี 63 ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายจัดสร้าง 100,000 หน่วย ภายในเวลา 5 ปี (64-68) และมีกำหนดส่งมอบปีละ 20,000 หน่วย ด้วยแนวคิดการจัดสร้างที่อยู่อาศัยประเภทเช่าให้ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มเปราะบาง ข้าราชการชั้นผู้น้อย ข้าราชการเกษียณ รวมถึงผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ ในอัตราค่าเช่า 1,500-3,000 บาทต่อเดือน
พร้อมกันนี้ กคช. ยังเดินหน้าส่งเสริม “เศรษฐกิจสุขประชา” 6 กลุ่มอาชีพ โดยนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้ผู้อยู่อาศัยตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการนำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 โครงการ จำนวน 572 หน่วย ประกอบด้วย โครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง จำนวน 302 หน่วย และโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จำนวน 270 หน่วย
นอกจากนี้ ครม. มีมติเห็นชอบในหลักการการจัดตั้งบริษัท เคหะสุขประชา จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 โดย กคช. ถือหุ้น 49% ที่เหลือเป็นเงินลงทุนจากภาคเอกชน ซึ่งล่าสุด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นใฝผู้ที่จะเข้ามาถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นด้านเงินทุนให้แก่บริษัท ส่วนอีก 7 กลุ่มที่จะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนรวมกัน 51% เช่น ธุรกิจค้าปลีก เกษตร เฮลท์แคร์ ประกันภัย อสังหาริมทรัพย์ ก่อสร้าง และอุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละรายจะถือหุ้นได้ในสัดส่วนไม่เกิน 15% ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการจัดตั้งบริษัทตามขั้นตอนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนก.พ.65
ทั้งนี้ โครงการบ้านเคหะสุขเกษม ที่จะพัฒนาในปีนี้เป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทเช่าในระยะยาว สำหรับผู้สูงอายุ และข้าราชการเกษียณ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ พนักงานบริษัท และประชาชนทั่วไป ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี หรืออายุ 60 ปี ขึ้นไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการต้นแบบ “บ้านเคหะสุขเกษม” เมื่อวันที่ 3 ส.ค.64 ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการนำร่องบริเวณซอยที่ดินไทย ถ.เทพารักษ์ ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดย กคช.ออกแบบโครงการฯ ภายใต้หลักสถาปัตยกรรมเพื่อทุกคน มีลักษณะเป็นอาคารชุดสูง 5 ชั้น (มีลิฟต์ทุกอาคาร) ห้องพักอาศัยมีขนาดประมาณ 33 ตารางเมตร (ตร.ม.) และ 56 ตร.ม. และภายในโครงการยังแบ่งพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัย โดยมีอัตราค่าเช่าตั้งแต่ 3,200-5,000 บาทต่อเดือน โดยผู้ที่สนใจสามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้ที่ https://rent.nha.co.th/sukkasem ได้แล้ว
นายทวีพงษ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน กคช. พร้อมเดินหน้าโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง” ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงระยะที่ 2 อาคารแปลง A และแปลง D (อาคาร A1 และอาคาร D1) แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ทำให้ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ ได้ตามแผนที่กำหนดไว้การเคหะแห่งชาติได้เร่งดำเนินการด้วยการนำเทคโนโลยีในการก่อสร้างมาทดแทนแรงงานคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 2 โครงการฯ ภายในปี 66
นอกจากนี้ กคช.ยังมีแผนจะเดินหน้าโครงการรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชนเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สร้างความสุขให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการอาคารเช่าของการเคหะแห่งชาติด้วยการรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชนและนำกลับมาบริหารเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ผู้อยู่อาศัย พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายดำเนินการรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชน จำนวน 60 สัญญา รวมทั้งสิ้น 32,632 หน่วย ปัจจุบันได้ดำเนินการรับคืนอาคารจากบริษัทเอกชนแล้ว จำนวน 51 สัญญา และได้ผลตอบรับจากผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างดี
ส่วนความคืบหน้าโครงการ “สินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย” ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้ประชาชนที่ซื้อบ้านของ กคช.แต่ไม่ผ่านการพิจารณาสินเชื่อจากสถาบันการเงินสามารถขอสินเชื่อผ่านนั้น ในปีงบ ประมาณ 64 ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 635 ราย วงเงิน 416.27 ล้านบาท และปีงบประมาณ 65 ในเดือน ต.ค.-ธ.ค.64 ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 328 ราย คิดเป็นวงเงิน 205.79 ล้านบาทและในเดือน ม.ค.65 อยู่ระหว่างการนำเสนอพิจารณาอนุมัติ 150 ราย คิดเป็นวงเงิน 95.95 ล้านบาท
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket