บาทแข็งค่าตามทิศทางตลาดโลก

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565

ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (2/2) ที่ระดับ 33.18/20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (1/2) ที่ระดับ 33.22/24 บาท โดยค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่น ๆ หลังจากเจ้าหน้าที่ของเฟดออกมาระบุว่า คงไม่ถึงขั้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมช่วงเดือนมีนาคม ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงมีแรงซื้อคืนกลับเข้ามา สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจ ล่าสุดไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.5 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน จากระดับ 57.7 ในเดือนธันวาคม

และสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 57.6 ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 57.4 จากระดับ 58.8 ในเดือนธันวาคม

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมกราคมของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานและเพิ่มขึ้นเพียง 178,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9%

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ รัฐบาลเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 4.0% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 3.5-4.5%) ตามการคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มของรายได้ประเทศและรายได้ครัวเรือน ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้งบประมาณแผ่นดิน 3.1 ล้านล้านบาท งบฯลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.07 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.เงินกู้ ควบคู่ไปกับการเติบโตของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในรอบระหว่าง 33.18-33.25 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 33.18/21 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันนี้ (2/2) ที่ระดับ 1.1273/75 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (1/2) ที่ระดับ 1.1259/61 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร โดยตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษและยูโรในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในเวลาไม่ถึง 2 เดือน หลังเงินฟ้อของอังกฤษพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ขณะที่ทาง ECB คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแต่อย่างใด ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1271-1.1291 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.1290/92 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (2/2) ที่ระดับ 114.65/67 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันอังคาร (1/2) ที่ระดับ 114.71/73 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยเยนอ่อนค่าตามการแข็งค่าของดอลลาร์หลังจากเฟดออกมาปรับลดการคาดการณ์การปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม โดยระบุว่าอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นถึง 0.5% ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 114.55-114.75 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 114.53/55 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน (2/2), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (3/2), ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานเดือน ธ.ค. (3/2), ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (4/2), อัตราการว่างงาน (4/2), ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมง (4/2)

สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (Swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ 0.4/0.55 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -3.0/-1.0 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance