ความสำเร็จอันน่าทึ่ง! จับกุมผู้ต้องหาแล้ว 14 รายในเวลาอันรวดเร็ว
ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงโลกในทุกมิติ ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของการรักษาความปลอดภัยสาธารณะด้วยการเปิดตัว “พ.ต.อ.นครปฐม ปลอดภัย” หรือที่รู้จักกันในนาม AI Police Cyborg 1.0 นวัตกรรมหุ่นตำรวจอัจฉริยะที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ภายใต้การสนับสนุนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และเทศบาลนครนครปฐม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจภูธรภาค 7 ได้รายงานผลการปฏิบัติงานของหุ่นตำรวจ AI นี้ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานเทศกาลสงกรานต์ถนนต้นสน จังหวัดนครปฐม เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้วถึง 14 ราย ในระยะเวลาอันสั้น
เทคโนโลยีล้ำสมัยภายใต้การพัฒนาของคนไทย
AI Police Cyborg 1.0 ไม่ใช่เพียงหุ่นยนต์ธรรมดา แต่เป็นระบบอัจฉริยะที่ผสานเทคโนโลยีหลายด้านเข้าด้วยกัน โดยมีความสามารถในการเชื่อมโยงกล้อง CCTV ที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ รวมถึงกล้องจากโดรนที่บินตรวจตราความปลอดภัย เข้ามาประมวลผลร่วมกันที่ “สมอง” ของ Cyborg ด้วยระบบ AI ที่ทันสมัย
ระบบนี้ช่วยเปลี่ยนกล้องธรรมดาและกล้องรอบตัวหุ่นให้มีความสามารถ “Video Analytics” ซึ่งรวบรวมข้อมูลทั้งหมดไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการ หรือ CCOC (Command and Control Center) เพื่อบริหารจัดการความปลอดภัยในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสามารถอันน่าทึ่งของหุ่นตำรวจ AI
หุ่นตำรวจ AI Police Cyborg 1.0 มาพร้อมกับความสามารถที่หลากหลายและล้ำสมัย ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับทั้งประชาชนและผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีฟีเจอร์สำคัญดังนี้:
- ระบบจดจำใบหน้าอัจฉริยะ (Blacklist Face Recognition) – สามารถแจ้งเตือนทันทีเมื่อตรวจพบบุคคลตามหมายจับหรือบุคคลที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวัง ซึ่งอาจก่อเหตุอันตรายภายในงาน
- ระบบติดตามบุคคลต้องสงสัย – ติดตามความเคลื่อนไหวของคนร้ายหรือบุคคลต้องสงสัยจากใบหน้าได้ทั่วทั้งบริเวณงาน โดยไม่พลาดทุกการเคลื่อนไหว
- ระบบค้นหาบุคคลอัจฉริยะ (Advanced Search) – สามารถค้นหาบุคคลต้องสงสัยได้จากหลากหลายลักษณะ ทั้งใบหน้า ตำหนิรูปพรรณ การแต่งกาย รูปร่าง และเพศ
- ระบบตรวจจับอาวุธ – ตรวจจับอาวุธประเภทต่างๆ เช่น ดาบ มีด ไม้หน้าสาม และสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายอาวุธ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ร่วมงาน
- ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมเสี่ยง – ตรวจจับพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่ความรุนแรง เช่น การทะเลาะวิวาท การทำร้ายร่างกาย หรือการยกพวกตีกัน เพื่อป้องกันเหตุก่อนเกิดเหตุรุนแรง
ผลงานการจับกุมที่น่าประทับใจ
จากรายงานของตำรวจภูธรภาค 7 เปิดเผยว่า การติดตั้งและใช้งานระบบ AI FACE RECOGNITION CCTV CAMERA ของ AI Police Cyborg 1.0 ได้นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับถึง 14 ราย โดยแบ่งเป็นพื้นที่ต่างๆ ดังนี้:
- สนามไก่ชน พุทธมณฑลสาย 5 (พื้นที่ สภ.โพธิ์แก้ว จว.นครปฐม) – จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ร่วมกันลักทรัพย์ พยายามฆ่า และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ จำนวน 4 ราย
- ตลาดนัดเครื่องบิน (พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม) – จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด ลักทรัพย์ ฉ้อโกง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จำนวน 5 ราย
- พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม – จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด และความผิดตาม พ.ร.บ.เรี่ยไร จำนวน 1 ราย
- ห้างเซ็นทรัลศาลายา – จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด บัญชีม้า และคดีอื่นๆ จำนวน 4 ราย
ความเห็นจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความชื่นชมและประทับใจต่อนวัตกรรมหุ่นตำรวจ AI Police Cyborg 1.0 เป็นอย่างมาก โดยกล่าวว่า ตนเองรู้สึกทั้งดีใจและประหลาดใจเมื่อได้เห็นหุ่นตัวนี้ในกลุ่มรายงานสถานการณ์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568
ผบ.ตร. ได้สอบถามข้อมูลจาก พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ทำให้ทราบว่า นวัตกรรมนี้เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของตำรวจเอง ที่ร่วมกันคิดค้นและพัฒนาขึ้น โดยใช้งบประมาณไม่สูงมาก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลนครนครปฐม ในการติดตั้งกล้อง AI ภายในบริเวณงานเทศกาลสงกรานต์
ประโยชน์ต่อความปลอดภัยสาธารณะ
ความสำเร็จสูงสุดของระบบและหุ่นยนต์ AI Police Cyborg 1.0 คือการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก ทำให้การบริหารทรัพยากรบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังเปิดเผยอีกว่า ระบบนี้ทำงานได้อย่างแนบเนียน โดยที่ผู้ร่วมงานไม่ทราบว่ากำลังถูกสแกนและตรวจสอบกับฐานข้อมูลว่ามีหมายจับหรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน เมื่อข่าวเผยแพร่ออกไป จะเป็นการสร้างความตระหนักให้กับประชาชนทั่วไป และสร้างความเกรงกลัวให้กับผู้ที่มีความคิดจะก่อเหตุร้าย
ก้าวต่อไปของเทคโนโลยี AI ในวงการตำรวจไทย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ยังได้กล่าวถึงแผนในอนาคตว่า ในอีก 6 เดือนข้างหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการปฏิบัติงานให้มากที่สุด เพื่อลดอาชญากรรม ลดภัยคุกคามต่อประชาชน โดยใช้เครื่องมือพิเศษเหล่านี้มาช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงลดความเสี่ยงและการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังมีแนวคิดที่จะให้ตำรวจภูธรภาค 7 เป็นต้นแบบในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสมต่อไปทั่วประเทศ
ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย
ความสำเร็จของหุ่นตำรวจ AI Police Cyborg 1.0 นับเป็นก้าวสำคัญของวงการตำรวจไทยในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน และสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ
ด้วยความคิดสร้างสรรค์และความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย จึงเกิดนวัตกรรมที่ไม่เพียงแต่ช่วยจับกุมผู้กระทำความผิด แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาอารยประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในทุกภาคส่วน
นับจากนี้ไป การปรากฏตัวของหุ่นตำรวจ AI Police Cyborg 1.0 ในงานเทศกาลและพื้นที่สาธารณะต่างๆ จะไม่เพียงเป็นจุดดึงดูดความสนใจจากประชาชนที่ต้องการถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความปลอดภัยและความมั่นคงให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน